วิเคราะห์วรรณกรรมพื้นบ้าน เรื่องนางผมหอม
เรื่องย่อ วรรณกรรมเรื่องนางผมหอม
ในอดีตกาล มีเมือง ๆ
หนึ่งชื่อ นครศรี เจ้าเมืองนครศรี มีลูกสาวสวยคนหนึ่งชื่อว่า สีดา
เมื่อเจริญวัยได้อายุ 16 ปี เกิดความกระวนกระวายใจคิดอยากไปเดินป่าเพื่อเก็บดอกไม้ให้สบายอารมณ์ อยู่มาวันหนึ่งจึงได้ชวนพวกสาวสนมบริวารออกจากเมืองเพื่อไปเก็บดอกไม้ ด้วยอารมณ์เพลิดเพลินไปกับดอกไม้นานาพันธุ์ นางสีดาได้พลัดหลงพวกสาวใช้
ทำให้นางหลงป่าไปตามลำพัง
เดินทางคนเดียวไปได้หลายวัน
นางได้พบน้ำในรอยเท้าช้างด้วยความอิดโรยหิวกระหาย
จึงได้ดื่มน้ำในรอยเท้าช้างนั้นแล้วเดินทางต่อไป ได้หลายวันจึงกลับถึงเมืองของตน ต่อมานางได้ตั้งครรภ์เพราะดื่มน้ำในรอยเท้าช้างนั้น เมื่อครบกำหนดสิบเดือนได้คลอดบุตรออกมาสองคนเป็นหญิงทั้งคู่ ตั้งชื่อให้ว่า นางผมหอม และ นางลุน เมื่อทั้งสองเจริญวัยขึ้นมาจึงถามหาบิดา มารดาบอกว่าบิดาเจ้าทั้งสองไม่มี อยู่มาวันหนึ่งนางผมหอมและนางลุน ไปอาบน้ำร่วมกับเด็กชาวบ้านถูกเด็กชาวบ้านด่าหาว่าเป็นลูกผีสางสัตว์ป่า ทั้งสองนึกเสียใจสงสัยจึงกลับบ้านถามมารดาว่าจริงไหมที่เด็กชาวบ้านพวกนั้นพูด นางสีดาผู้มารดาจึงตอบว่า จริง และนางก็เล่าเรื่องแต่ครั้งนางหลงป่าแล้วได้ดื่มน้ำในรอยเท้าช้างให้ลูกสาวทั้งสองฟัง และห้ามลูกทั้งสองไม่ให้ไปยุ่งกับเด็กชาวบ้านอีก ครั้นนางผมหอมและนางลุนเติบโตอายุได้ 13 ขวบ ก็คิดอยากจะเห็นหน้าผู้เป็นบิดา ทั้งสองจึงได้ลามารดาเพื่อจะไปติดตามหาบิดา ครั้งแรกมารดาได้ห้ามไว้แต่ในที่สุดทนความรบเร้าไม่ไหวจึงอนุญาต แต่ก่อนไปนางได้บอกลูกว่า ช้างสารนั้นเป็นช้างมีฤทธิ์เดชมาก เป็นช้างผีสิงเที่ยวหาคนกินอยู่เป็นนิจ หากใครไปพบเข้าถ้าไม่ใช่ผู้มีบุญหรือเชื้อสายแล้วช้างนั้นจะฆ่าทันที ถ้าเป็นผู้มีบุญหรือเป็นเชื้อสายจึงจะไต่ถาม งาของมันขึ้นไปนั่งบนหลังได้ และนางสีดาผู้เป็นมารดาตระหนักดีว่านางลุนผู้น้องนั้นเป็นลูกคนไม่ใช่ลูกช้างสารเชือกนั้นเหมือนอย่างนางผมหอม จะต้องถูกช้างสารฆ่าแน่นอนแต่ก็จำต้องปล่อยให้ไปด้วยกัน หลังจานางสีดาผู้เป็นมารดาได้อนุญาตแล้วทั้งสองจึงได้เดินป่าเพื่อตามหาบิดา หลังจากได้เดินทางรอนแรมไปได้หลายวันคืนจึงได้พบช้างสารผู้เป็นบิดา ช้างจึงให้ทั้งสองไต่ตามงาขึ้นไปบนหลัง นางผมหอมผู้เป็นพี่สาวขึ้นไปนั่งบนหลังได้ส่วนนางลุน ผู้เป็นน้องขึ้นไม่ได้ พยายามแล้วพยายามเล่าก็ไม่สานมารถจะขึ้นไปได้ที่สุดก็ถูกช้างฆ่ากิน
นางผมหอมผู้พี่สาวเสียใจมากแต่ก็ทำอะไรก็ไม่ได้จำใจต้องไปกับช้างผู้เป็นบิดา ช้างนั้นจึงสั่งให้พวกช้างที่เป็นบริวารหาไม้มาปลูกปราสาทเสาสูงให้นางผมหอมอยู่
และช้างผู้เป็นบิดาก็หาข้าวปลาอาหารเลี้ยงลูกสาวของตนไม่ขาด กับทั้งไปแสวงหาเครื่องใช้ของประดับอันเป็นของมนุษย์จำเป็นต้องใช้ประจำวันมาให้ โดยไปลักขโมยชาวบ้านมาให้ลูกสาว จนกระทั่งนางผมหอมมีเครื่องใช้ของสอยเหมือนชาวบ้านทั่ว ๆ ไป วันหนึ่งช้างไปหากินและแสวงหาอาหารมาให้ลูกสาวตามปกติ บังเอิญไปพบหญิงสาวสองคนซึ่งหลงป่ามาจึงจับมาให้เป็นคนใช้ของนางผมหอม
เมื่อ
ครั้นช้างใหญ่กลับจากแสวงหาอาหารเพื่อลูกมาถึง ไม่เห็นลูกสาวมารับนึกเอะใจ จึงเรียกหาลูกสาวแต่ไม่มีเสียงขานรับ จึงได้พังปราสาทลงก็ไม่พบลูกสาว
ดังที่คาดไว้ จึงออกติดตามจนกระทั่งไปพบเจ้าชายและนางผมหอมอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง อ้อนวอนให้ลงมาและขอให้กลับไปอยู่ที่เดิม
จะอยู่เป็นคู่ภรรยาสามีก็ไม่ว่า แต่ทั้งสองก็กลัวจะถูกทำอันตรายจึงไม่ลงมาหาบิดา
และขอให้บิดากลับไปเสีย ด้วยความรักความเป็นห่วงลูกมากช้างจึงขาดใจตาย แต่ก่อนจะตายได้สั่งไว้ว่าให้ลงมาถอดเอางาทั้งสองข้างซึ่งจะใช้เป็นเครื่องเดินทางในภายหน้าคือ
งาช้างขวาใช้ทำลายข้าศึก งาข้างซ้ายใช้เป็นเรือได้ เมื่อสั่งลูกแล้วก็สิ้นใจตาย
เจ้าชายและนางผมหอม
จึงถอดเอางาทั้งสองและได้เผาซากช้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงเดินทางต่อไป จนกระทั่งไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง จึงเอางาช้างซ้ายเป็นเรือพายไปตามน้ำ
ระหว่างทางมีนางผีจำแรงเพศเป็นนางผมหอมและได้ผลักนางผมหอมตกน้ำ แล้วตัวเองก็นั่งแทนที่ เจ้าชายเข้าใจว่าเป็นนางผมหอมก็ไม่นึกเฉลียวใจ จนกระทั่งถึงเมืองของตน อยู่มาวันหนึ่งลูกชายชื่อสีลาบอกความจริงให้
จึงได้รู้ว่าเป็นผี
จึงให้อำมาตย์ฆ่าเสีย แล้วรับนางผมหอมกลับเข้าเมืองและทั้งสองก็ปกครองประชาราษฎร์ ได้รับความสุขตลอดมาจนกระทั้งอายุขัย
ผลงานการวิจารณ์วรรณกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
ตอบลบจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา
ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ