วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

บทความ : เรื่องก่อนจะไปเป็นครูที่ดีต้องรู้วิธีก่อนใคร


บทความ :  เรื่องก่อนจะไปเป็นครูที่ดีต้องรู้วิธีก่อนใคร

ครูในอนาคตจะต้องเป็นครูที่มีความสามารถตามตามเกณฑ์ของระดับคุณภาพครูที่เป็นสากล แต่ก็มีความขัดแย้งกันกับนักวิชาการบางฝ่ายที่เห็นว่าการมองระดับคุณภาพครูโดยพิจารณาเฉพาะความรู้ความสามารถนั้น
อาจจะขาดคุณลักษณะอันสำคัญของความเป็นครูดีที่แท้จริงได้  ในความคิดตามคติแนวคิดของคนไทยเกี่ยวกับลักษณะของครูที่ดีนั้นต้องมีคุณธรรมดังพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทาน    ปริญญาบัตรแก่นักศึกษาวิทยาลัยวิชาการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่ว่า

                “......ข้าพเจ้าเชื่อว่า  นิสิตนักศึกษา  ซึ่งสำเร็จการศึกษาไปในคราวนี้ควรจะได้มีคุณธรรม  ศีลธรรม
 และวัฒนธรรมเป็นทุนอยู่บ้างแล้ว   แต่ในฐานะที่ต้องออกไปทำหน้าที่ครูของผู้อื่น  ท่านจำเป็นจะต้องสร้างสมธรรมะต่างๆให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น  และรู้จักวางตัวให้สมกับเป็นผู้มีหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ  และช่วยกันขจัดปัญหาเยาวชนให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว  และส่งเสริมให้เยาวชนได้เป็นคนที่มีสัมมาอาชีพและความประพฤติดี 
เพื่อเป็นกำลังใจในการที่จะสร้างประเทศ ” 

การเป็นครูนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังที่รองศาสตราจารย์ยนต์  ชุ่มจิต ( ๒๕๔๔ : ๒๐๘ ) ให้ความหมายว่า “ครู” 
ที่แปลว่าหนัก  นั้น  เมื่อต้องสอนนักเรียนก็ต้องรับภาระอันหนัก  กล่าวคือ  ต้องหนักทั้งกายและหนักทั้งจิตใจ  หนักทางกาย  หมายความว่า  ต้องศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอเพื่อหาความรู้ใหม่ๆ  มาสอนศิษย์ให้มีความรู้ทันโลกทันเหตุการณ์  ในขณะที่สอนก็ต้องคอยตรวจสอบประเมินผลการเรียนการสอนเพื่อให้ศิษย์เกอดความเจริญงอกงามอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่กล่าวว่าหนักทั้งจิตใจด้วยนั้น  หมายความว่า  ผู้ที่มีวิญญาณความเป็นครูจะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ในความทุกข์สุขของศิษย์อยู่ตลอดเวลา  ยามใดที่ศิษย์ของตนต้องเจ็บป่วยหรือได้รับความเดือดร้อนใดๆ  ผู้เป็นครูก็พลอยทุกข์ใจหนักใจด้วยอย่างนี้ เป็นต้น  การเป็นครูนั้นเมื่อเรามองย้อนกลับกันแล้วเป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเด็กเพราะครูคนเดียวนั้นสอนเด็กได้หลายๆคนครูนั้นจะเป็นทั้งแบบอย่าง  ทั้งสิ่งต่างๆของเด็กดังที่ ดร.รัตนา  ศรีเหรัญ (๒๕๔๔: ๒๒)ได้กล่าวในบทความหนังสือสู่เส้นทางวิชาชีพครูที่ว่า  “ การเป็นแบบอย่างที่ดี  บทบาทของครูในสองอย่างแรกจัดเป็นครูที่พูดได้  แต่ในบทบาทสุดท้ายนี้เป็นลักษณะของครูที่ไม่ต้องพูดซึ่งผู้เรียนสามารถมองเห็นได้เลย   ผู้เรียนมักมีการเลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลที่นักเรียนมีความใกล้ชิดและให้ความเคารพนับถือ  จัดเป็นการเรียนรู้ที่เกิดกับผู้เรียนโดยไม่ต้องมีการสอนด้วยวาจา  ถ้าผู้เรียนเกิดความประทับใจในพฤติกรรมของครูคนใด 
ก็มักจะยึดถือครูผู้นั้นเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต ”   จะเห็นได้ว่าบทบาทของครูนั้นมีส่วนสำคัญต่อการออกแบบ  การสร้างการพัฒนาบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกของสังคมให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการดำรงสภาพความเป็นสังคมที่สมบรูณ์ต่อไป  สังคมที่ขาดครู (ครูที่ดี)  สังคมนั้นจะขาดการพัฒนาที่ดีและเป็นการยากที่จะเป็นการยากที่จะดำรงให้สังคมได้คงอยู่ต่อไป 

ดังนั้นผู้ที่จะไปประกอบวิชาชีพครูนี้ควรคำนึงในการจะไปปฏิบัติหน้าที่ของตนว่าจะไปเป็นครูประเภทไหนและจะเป็นครูที่ดีได้อย่างไร   บุคลิกภาพของครูก็เป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความรู้สึกของผู้เรียนและเป็นส่วนที่ช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น  ดังที่   ณัฐพรหม  อินทยุยศ   (๒๕๕๓ : ๒๙๓)  ได้กล่าวไว้ดังนี้

ครูประเภทที่ ๑

ถ้าครูแสดงความเป็นมิตร                                  นักเรียนจะอบอุ่นใจ

ถ้าครูยิ้มแย้ม                                                         นักเรียนจะแจ่มใส

ถ้าครูมีอารมณ์ขัน                                                นักเรียนจะเรียนสนุก

ถ้าครูกระตือรือร้น                                               นักเรียนจะกระปรี้กระเปร่า

ถ้าครูมีน้ำเสียงนุ่มนวล                                      นักเรียนจะสุภาพอ่อนน้อม

ถ้าครูแต่งตัวเรียบร้อย                                         นักเรียนจะเคารพ

ถ้าครูให้ความเมตตาปราณี                                นักเรียนจะมีจิตใจอ่อนโยน

ถ้าครูให้ความยุติธรรม                                        นักเรียนจะศรัทธา

                                                                ครูประเภทที่ ๒

ถ้าครูเข้มงวด                                                        นักเรียนจะหงุดหงิด

ถ้าครูหน้านิ่วคิ้วขมวด                                        นักเรียนจะรู้สึกเครียด

ถ้าครูฉุนเฉียว                                                       นักเรียนจะอึดอัด

ถ้าครูปั้นปึ้ง                                                           นักเรียนจะกลัว

ถ้าครูแต่งตัวไม่เรียบร้อย                                    นักเรียนจะขาดความเคารพ

ถ้าครูใช้น้ำเสียงดุดัน                                          นักเรียนจะหวาดกลัว

                                                                ครูประเภทที่ ๓

ถ้าครูท้อถอย                                                         นักเรียนจะท้อแท้

ถ้าครูเฉยเมย                                                         นักเรียนจะเชื่องชา

ถ้าครูเชื่องช้า                                                        นักเรียนจะหงอยเหงา

ถ้าครูใช้น้ำเสียงราบเรียบ                                   นักเรียนจะไม่ตั้งใจฟัง

ถ้าครูปล่อยปละละเลย                                        นักเรียนจะขาดระเบียบวินัย

ถ้าครูแต่งกายไม่เรียบร้อย                                  นักเรียนจะขาดความเคารพ

ครูทั้ง ๓ ประเภทนี้ทำให้เห็นข้อพกพร่องของครู  เรื่องบุคลิกท่าทางของครู  ดังนั้นผู้ที่จะไปประกอบวิชาชีพครูจึงจำเป็นต้องหมั่นสร้างแรงจูงใจในการเรียนการสอนของตนเองอย่างต่อเนื่องและต้องนำเอาสิ่งดีไปเป็นแบบอย่างในการกระตือรือร้นในการเรียนการสอนต่อไป   ซึ่งเราก็สามารถนำไปพัฒนาได้ตลอดอย่างที่ ดร.สุรศักดิ์  หลาบมาลา (๒๕๔๑ : ๘๗ )  ได้กล่าวไว้ว่า  “ การพัฒนาครูนั้นไม่ได้เริ่มต้นเมื่อเข้าเรียนในสถาบันฝึกหัดครูและจบลงเมื่อรับปริญญาบัตร  แต่ครูโดยวิชาชีพต้องเรียนรู้และเติบโตในวิชาชีพของตนตลอดชีวิตความเป็นครู ”
  
                                                                                                             นางสาวดวงเดือน  คำบุญเกิด
รหัสนัหศึกษา ๕๔๓๔๑๐๐๑๐๑๑๕
สาขาวิชาภาษาไทย   คณะครุศาสตร์
                                                                                                                        ชั้นปีมี่ ๓     หมู่รียนที่ ๑
 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น